ไทยประกันชีวิต ยื่นไฟลิ่งก.ล.ต.จ่อIPO ไม่เกิน 2.38 พันล้านหุ้น

Chanapot

  • *****
  • 1900
    • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     
"ไทยประกันชีวิต" ยื่นไฟลิ่งก.ล.ต. เพื่อนำเสนอขายหุ้นIPO จำนวนไม่เกิน 2.38 พันล้านหุ้น โดบมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท หวังใช้เงินระดมทุนลงทุนDigital Transformation พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งทำการตลาด ยกระดับความแข็งแกร่งเงินทุนและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564ทาง บมจ.ไทยประกันชีวิต ได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อนำเสนอขายหุ้นสามัญครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวนไม่เกิน 2,384,318,900 หุ้นซึ่งประกอบด้วย

(1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯจำนวนไม่เกิน 1,000,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 8.6ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
(2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท วี.ซี. สมบัติ จำกัดจำนวนไม่เกิน 1,2 18,815,600 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10.5
ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
(3) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Her Sing (H.K.)Limited จำนวนไม่เกิน 165,503,300 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ1.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้รวมทั้งหมดคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 20.6 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ โดยมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท


สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงิน  เพื่อการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) และการทำการตลาด  ,การ
เสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตร  ,เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน และสำหรับเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์อื่น ๆ 

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 สินทรัพย์รวมของบริษัทฯมีจำนวนเท่ากับ 511,443.44 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังมี
กลยุทธ์การจัดการการลงทุนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งดำเนินการโดยทีมงานที่มีประสบการณ์และสามารถบรรลุ
ผลตอบแทนที่สูงได้ ในระยะยาว ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2563บริษัทฯมีผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ย (Average Investment
Yield) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 4.26

โดยสินทรัพย์รวมของบริษัทฯเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8.87 จาก416,854 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 494,045 ล้านบาทในปี
2563 ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นนั้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 12.94จาก 60,985 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 77,785 ล้านบาท

ในปี 2563 แม้บริษัทฯจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โรค โควิด-19 และการชะลอตัว
ของเศรษฐกิจ กำไรสุทธิของบริษัทฯปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7,692 ล้านบาทในปี 2563 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยจากปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 7.08