‘สิงห์’ฟูลทีม!ดวลเรือบิ๊กแมทช์ พลิกสถิติ‘ทูเคิ่ล’เฉียบ-พีพีทีวียิงสด


     


การแข่งขันฟุต.พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 25 กันยายน ประเดิมกันด้วยคู่เอกในช่วงหัวค่ำเตะในเวลา 18.30 น. จ่าฝูง “สิงห์บลูส์” เชลซี จะเปิดเดอะ บริดจ์ รับการมาเยือนของแชมป์เก่า “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยคู่นี้ พีพีทีวีเอชดี ช่อง 36 ถ่ายทอดสด

ความพร้อมเจ้าบ้านเพิ่งผ่านการลงเล่นเกมคาราบาว คัพ รอบ 32 ทีม เข้ารอบได้แบบหืดจับหลังจากเสมอกับ แอสตัน วิลล่า 1-1 ก่อนจะดวลจุดโทษเอาชนะได้ ส่วนฟอร์มในลีกชนะ 4 เสมอ 1 เกมนี้คาดว่า โธมัส ทูเคิ่ล จะกลับมาใช้ขุมกำลังชุดใหญ่ทั้งหมดเอดูอาร์ เมนดี้ น่าจะได้ลงเฝ้าเสา เช่นเดียวกับคู่กลางใช้ จอร์จินโญ่ และมัตเตโอ โควาซิซ ในขณะที่แผงเกมรุกเลือก ไค ฮาแวร์ตซ์ ประสานงานกับ เมสัน เม้าท์ โดยมี โรเมลู ลูกากู ยืนหน้าเป้า


 

ทีมเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นเกมคาราบาว คัพ กลางสัปดาห์มาเหมือนกัน ถล่มเอาชนะ วีคอมบ์ มาได้ 6-1 ทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า เริ่มจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะบรรดาแกนหลักฟิตกลับมาเป็นตัวเลือกได้เกือบหมด ตำแหน่ง เซ็นเตอร์ นาธานอาเก้ ที่ผลงานดีอาจจะได้ลงจับคู่กับ รูเบน ดิอาส ต่อไป แดนกลางใช้ลูกประสบการณ์ของ แฟร์นานดินโญ่ ลงมาคุมจังหวะขนาบข้างไปด้วยตัวสร้างสรรค์เกมรุกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และฟิล โฟเด้น ส่วนสามตัวบนเลือก กาเบรียล เฮซุส เล่นกับ เฟร์ราน ตอร์เรส และแจ็ค กรีลิช

ADVERTISEMENT


ผลงานการเจอกัน 5 เกมหลังสุด ไม่มีจบลงด้วยผลเสมอเลย กลายเป็น เชลซี ที่ดูดีกว่าเยอะเอาชนะได้ 4 และแมนฯซิตี้ ชนะ 1 ฤดูกาลที่แล้วเจอกัน 4 เกมในลีกผลัดกันแพ้ชนะ ส่วน.ถ้วย “สิงห์บลูส์” เก็บเรียบทั้ง เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบชิงชนะเลิศ

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์,เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, มัตเตโอ โควาซิซ, จอร์จินโญ่, มาร์กอสอลอนโซ่, ไค ฮาแวร์ตซ์, เมสัน เมาท์ และโรเมลู ลูกากู


 
แมนฯซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน, ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบนดิอาส, นาธาน อาเก้, ชูเอา กานเซโล่, เควิน เดอ บรอยน์,แฟร์นานดินโญ่, ฟิล โฟเด้น, กาเบรียล เฮซุส, เฟร์ราน ตอร์เรส และแจ็ค กรีลิช

อีกคู่ที่เตะในเวลา 18.30 น. “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล่าสุดที่กระเด็นตกรอบคาราบาว คัพ หลังจากพ่ายคารังให้กับ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-1 แต่ผลงานในลีกถือว่ายอดเยี่ยมชนะ 4 เสมอ 1 เกมนี้โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เตรียมที่จะกลับมาใช้ทีมชุดใหญ่หลังจากได้พักมาเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ตัวที่ยังเล่นไม่ได้คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่มีอาการบาดเจ็บ แต่เมื่อมองไปในขุมกำลังตัวจริงในเวลานี้ถือว่าฟูลทีมสุดๆ เล่นในระบบ 4-2-3-1 สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ คุมแดนกลางร่วมกับ เฟร็ด แนวรุกใช้ เมสัน กรีนวู้ด ประสานงานกับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส และ ปอล ป๊อกบา โดยมี คริสเตียอาโน่ โรนัลโด้ ยืนเป็นหน้าเป้า

ทีมเยือน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า เสมอกับเชลซีมา 1-1 ก่อนจะดวลจุดโทษแพ้ในศึกคาราบาว คัพ เกมนั้นดีน สมิธ ได้เลือกพักตัวหลักหลายราย เพื่อมาเล่นเกมนี้โดยเฉพาะ ปัญหาใหญ่ที่ต้องกังวลคือต้องรอเช็คความฟิตของ จอห์น แม็คกินน์ มิดฟิลด์คนสำคัญว่าจะพร้อมลงเล่นได้หรือไม่ นอกนั้นไม่มีกังวลอะไร คาดว่าจะปรับแท็กติกเล่นในระบบ 3-5-2 ไทโรน มิงค์ส, คอร์ตนีย์ เฮ้าส์ และเอซรี่ คอนซ่า ยืนเป็นสามแนวรับ ส่วนแดนกลางเมื่อ แม็คกินน์ ไม่พร้อมต้องส่ง มาเวลาส นาคัมบ้า ลงมาคุมเกมร่วมกับ ดั๊กลาส ลุยซ์ และเจค็อบ แรมซีย์ โดยมี แดนนี่ อิงค์ส และโอลลี่ วัตกิ้นส์ เป็นคู่หัวหอก


 
ผลงานการเจอกัน 5 เกมหลังสุด แมนฯยูไนเต็ด ทำได้ดีกว่าเอาชนะได้ 3 เสมอ 1 และ วิลล่า ชนะ 1 ฤดูกาลที่แล้ว “ปีศาจแดง”ชนะทั้งไปแล้วกลับด้วยสกอร์ 2-1 และ 1-3

คู่ดึกสุดในค่ำคืนวันเสาร์ “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงร่วมในเวลา 23.30 น.

เจ้าบ้าน เบรนท์ฟอร์ด ถือว่าเป็นทีมน้องใหม่ที่ผลงานดีที่สุดในเวลานี้ลงเล่นไป 5 เกม ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 แถมเกมล่าสุดจัดหนักถล่มเอาชนะ โอลด์แฮ่ม ในศึกคาราบาว คัพ 7-0 ความพร้อมเกมนี้กุนซือ โธมัส แฟร้งค์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน แชนดอน บาติสเต้ มิดฟิลด์ที่ติดโทษแบน เช่นเดียวกับ จอช ดาซิลวา และแมดส์ บัคห์ โซเรนเซ่น ที่มีอาการบาดเจ็บ ทำให้แดนกลางโอกาสจะตกเป็นของ แฟร้งค์ ออนเยก้า ที่จะได้เล่นร่วมกับ คริสเตียน นอร์การ์ด และวิตาลี ยาเนลท์ ที่เด็ดของพวกเขาอยู่ที่คู่หัวหอก อีวาน โทนี่ย์ และไบรอัน เอ็มเบอูโม่

ทีมเยือน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ผลงานดีในการออกสตาร์ทชนะ 4 เสมอ 1 เกมล่าสุดพักตัวหลักยกทีมบุกถล่ม นอริช ซิตี้ 3-0 ในคาราบาว คัพ นัดนี้ไม่มี ติอาโก้ อัลคันทาร่า ที่บาดเจ็บ เช่นเดียวกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และฮาร์วีย์เอลเลียต ในรายของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หายป่วยแล้วน่าจะพร้อมลงเล่นในเกมนี้ ที่เหลือ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับมาใช้ขุมกำลังชุดใหญ่ทั้งหมด ในระบบ 4-3-3 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุมแดนกลางร่วมกับฟาบินโญ่ และเคอร์ติส โจนส์ เนื่องจากนาบี้ เกอิต้า ไม่ค่อยสมบูรณ์ ส่วนสามประสานในเกมรุกยังเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก้ โชต้า และซาดิโอ มาเน่


 
ทั้งสองทีมไม่เจอกันมานานมากตั้งแต่ปี 1989 ก่อนหน้านี้ดวลกันมาแล้ว 15 ครั้ง ลิเวอร์พูล ชนะได้ 9 เสมอ 3 และเบรนท์ฟอร์ด ชนะ 3

ทางด้าน “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ทำศึกบิ๊กแมทช์ ลา ลีกา สเปน เจอกับ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล เวลา 02.00 น. เจ้าถิ่น “ราชันชุดขาว นำจ่าฝูงของตาราง หลังจากที่เกมล่าสุดเปิดบ้านถล่มเอาชนะ เรอัล มายอร์ก้า 6-1 เกมนี้ยังไม่มี ดานี่ การ์บาฆาล, แกเร็ธ เบล, แฟร์กลองด์ เมนดี้ และดานี่ เซบาญอส ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนข่าวดีคือ โทนี่ โครส กลับมาซ้อมเต็มรูปแบบได้แล้ว ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ กำลังเล่นได้อย่างลงตัวมาในระบบ 4-3-3 มาร์โกอเซนซิโอ้ ที่กำลังมั่นใจกดแฮททริกมาในเกมที่แล้วจะลงตัวจริงในบทบาทของมิดฟิลด์ตัวรุก มี เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ และคาเซมิโร่คุมจังหวะ แนวรุกเลือก เอแดน อาซาร์ ประสานงานกับ คาริมเบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์

ทีมเยือน “เรือดำน้ำสีเหลือง” ลงเล่นไป 5 เกมเพิ่งชนะนัดแรกคือ เกมล่าสุดด้วยการถล่ม เอลเช่ มา 4-1 ที่เหลือเสมอ 4 และแพ้ 1 เกมนี้ยังไม่มี เกราร์ด โมเรโน่ ดาวยิงคนสำคัญที่มีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ ดานี่ ราบ้า และซามูเอล ชุคเวเซ่ ทำให้ อูไนเอมิรี่ ต้องปรับมาเล่น 4-3-3 ใช้ เอเตียง กาปู เป็นตัวตัดเกม ขนาบข้างไปด้วย ดานี่ ปาเรโฆ่ และมานูเอล ติเกรอส สามประสานในเกมรุกใช้ เยเรมี่ ปีโน่, ปาโก้ อัลคาแซร์ และอาร์เนาท์ ดานจูม่า