หลุด 1,600 จุด..รอขึ้นรถไฟเที่ยวใหม่ / สุนันท์ ศรีจันทรา


     


ตลาดหุ้นไทย ถูกหางเลขจากวิกฤต บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป จำกัด จนได้ โดยดัชนีหุ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาดิ่งลง 22.59 จุด ปิดที่ระดับ 1,603.06 จุด และมีโอกาสที่จะหลุด 1,600 จุด

ก่อนหน้านี้กูรูหุ้นโบรกเกอร์ทุกสำนักประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทย จะไม่หลุดจากแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,600 จุด แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังน่ากังวลก็ตาม

แต่วิกฤตเอเวอร์แกรนด์ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ของโบรกเกอร์ทุกสำนัก จะต้องประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นใหม่

สถานการณ์โควิด ตลาดหุ้นได้ซึมซับไปแล้ว แต่วิกฤตเอเวอร์แกรนด์ ผลกระทบเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และไม่ได้จำกัดวงเฉพาะเอเชียเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงสหรัฐและยุโรป

ไม่อาจคาดการณ์ว่า วิกฤตเอเวอร์แกรนด์จะขยายวงไปขนาดไหน เศรษฐกิจ ตลาดเงิน ตลาดหุ้นทั่วโลกจะทรุดลงเพียงใด และดัชนีหุ้นไทยจะปรับฐานลงลึกเท่าไหร่ เพราะจะต้องติดตามสถานการณ์กันวันต่อวัน

ปัจจัยภายในประเทศเริ่มดีขึ้น โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ เริ่มทรงตัวในระดับที่ต่ำลง เช่นเดียวกับตัวเลขผู้เสียชีวิต แต่ปัจจัยภายนอกปะทุขึ้นมาอีก ทั้งความกังวลธนาคารกลางลดขนาด QE และขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าปกติ ซ้ำเติมด้วยวิกฤตเอเวอร์แกรนด์

ตลาดหุ้นไทยกำลังตกอยู่ในกระแสธารเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนีหุ้นที่ดิ่งลง เพราะผลกระทบจากตลาดหุ้นฮ่องกงที่ถล่มกว่า 800 จุด ขณะที่ฟิวเจอร์ดาวโจนส์รูดลงอีกกว่า 500 จุด และตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลงระดับ 2% ช่วงระหว่างที่ตลาดหุ้นไทยยังเคาะซื้อขายกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

การถล่มทลายของตลาดหุ้นทั่วโลก จุดชนวนให้กองทุนในประเทศ พอร์ตโบรกเกอร์ พากันเทขายหุ้นในลักษณะตื่นไฟ ส่วนต่างชาติขายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยนักลงทุนรายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่เข้าไปแบกรับหุ้น

แนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้นเปลี่ยนไปแล้ว จากการเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแคบ ๆ ลักษณะประคับประคองตัว และพร้อมจะดีดกลับขึ้น หากมีปัจจัยข่าวดีกระตุ้น กลายเป็นภาวะความผันผวน โดยแนวโน้มอาจปักหัวลงต่อ

อย่างไรก็ตามหากวิกฤตเอเวอร์แกรนด์ไม่เลวร้ายเกินไป ผลกระทบไม่ลุกลามบานปลายกลายเป็นวิกฤตโลก และตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ถล่มทลายต่อเนื่อง ดัชนีหุ้นที่ไหลลงต่ำกว่า 1,600 จุด จะเริ่มมีความน่าสนใจ

เพียงแต่นักลงทุนส่วนหนึ่ง รีบร้อนตัดสินใจไปหน่อย ผลีผลามเข้าไปช้อนหุ้นในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน และอาจต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงติดมือ

ถ้าไม่มีวิกฤตเอเวอร์แกรนด์ซ้ำเติม นักลงทุนอาจไม่มีโอกาสได้เห็น ดัชนีหุ้นถอยลงมาแตะระดับ 1,600 จุด หรือหลุดลงไปต่ำกว่า

วิกฤตเอเวอร์แกรนด์ จึงอาจเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน เพราะสามารถซื้อหุ้นในราคาต้นทุนต่ำ เพียงแต่ต้องรอจังหวะที่เหมาะเท่านั้น

นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่คงไม่ยอมตัดขายขาดทุนแล้ว โดยเฉพาะเมื่อดัชนีหุ้นถอยลงมาแถว 1,600 จุด ยิ่งหลุดจาก 1,600 จุด ทุกคนพร้อมจะสู้ตาย และใครที่พอร์ตว่างหรือเหลือเงินสด คงเตรียมซื้อหุ้นเพิ่ม

ถ้าดัชนีหุ้นหลุด 1,600 จุด อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทยอย “เก็บของ” ภายใต้เงื่อนไขว่า วิกฤตเอเวอร์แกรนด์จะไม่ลุกลามบานปลาย