น่าห่วง! เผยเรียนออนไลน์นักเรียนถูกบีบออกจากระบบการศึกษามากถึง 20%

kaidee20

  • *****
  • 3159
    • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     


มหาสารคาม - ผอ.สารคามพิทยาคมเผยสถานการณ์ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 นักเรียนต้องออกจากระบบการศึกษามากถึง 20% เมื่อเรียนออนไลน์ เนื่องจากครอบครัวมีกำลังทรัพย์ไม่พอที่จะสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการเรียน แนะใช้บริการเว็บไซต์ Thailand Learning เป็นตัวช่วยพื่อให้เรียนรู้ได้เท่าทัน ทั้งยังเป็นการศึกษาตลอดชีวิต

นายนิพนธ์ ยศดา ผู้อำนวยการโรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม ได้เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนในภาคอีสานหรือเด็กทั่วประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการจัดการเรียนการสอน ซึ่งได้เปลี่ยนจากเรียนออนไซต์ คือนั่งเรียนในห้องเรียน มาเป็นรูปแบบเรียนออนไลน์ เด็กนักเรียนไม่ต้องเดินทางไปโรงเรียน ในฐานะตนเป็นผู้บริหารของโรงเรียนพบว่ามี 3 ประเด็นหลักที่น่าสนใจ คือ

1) กรณีนักเรียนกับผู้ปกครอง พบว่ามีเด็กจำนวนประมาณ 20% ที่จะต้องออกจากระบบไป เพราะมีปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ไวไฟ (Wi-Fi) รวมถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือสมาร์ทโฟนต่างๆ เมื่อได้สอบถามผู้ปกครองหลายรายก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีรายได้ ทำให้ไม่มีเงินไปเติมค่าเน็ตให้ลูกหลานได้บ่อยๆ บางครอบครัวก็มีมือถือสมาร์ทโฟนใช้เพียงเครื่องเดียว ขณะที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนมากกว่า 1 คน จึงเป็นเรื่องลำบาก

ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทางโรงเรียนได้พยายามหาทางแก้ไขโดยการจัดซื้อให้นักเรียน แต่ก็ติดขัดในเรื่องกฎระเบียบของทางกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงการอนุญาตให้นักเรียนเข้ามาใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในโรงเรียน แต่ก็มีปัญหาในเรื่องความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงทำให้เด็กนักเรียนมีปัญหาดังกล่าว ต้องออกไปจากระบบโดยปริยายอย่างน่าเสียดาย

2) ครูและอาจารย์ผู้ฝึกสอนขาดความรู้และทักษะการสอนผ่านอุปกรณ์ออนไลน์ จึงทำให้เป็นเรื่องยากเพราะไม่คุ้นเคย สุดท้ายจึงทำได้แค่สั่งให้เด็กทำการบ้านมาส่ง โดยไม่มีการอธิบายอย่างละเอียดและลึกซึ้ง และ 3) หน่วยงานต้นสังกัด หรือทางกระทรวงฯ คิดไม่ทันในเรื่องการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในเรื่องกฎระเบียบการจัดซื้อพัสดุที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อจะได้สามารถนำเงินมาซื้ออุปกรณ์ให้นักเรียนได้ใช้อย่างทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม นายนิพนธ์กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นข้างต้น ปัจจุบันทางโรงเรียนฯ ได้มีการส่งเสริมช่องทางการเรียนรู้ใหม่ คือแนะนำให้นักเรียนเข้าไปใช้บริการที่เว็บไซต์ www.thailandlearning.org ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมแหล่งเรียนรู้ออนไลน์จากทั่วโลก ที่ทางมูลนิธิเอเชียประจำประเทศไทย ร่วมกับสถานทูตออสเตรเลียได้จัดทำและพัฒนาขึ้น สามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

“ที่ผ่านมาพบว่านักเรียนมีการตอบรับเป็นอย่างดี ทางคุณครูก็พอใจเพราะมีการแบ่งระดับ และสามารถนำมาใช้ประกอบในกิจกรรมการเรียนการสอนได้ โดยสิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติมก็คือเนื้อหาใน 5 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคม, ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพราะเป็นวิชาหลักที่เด็กไทยต้องใช้สอบเข้าสู่ในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป” นายนิพนธ์กล่าว

น.ส.เบญญาภา ยะเคหัง หรือน้องหญิง อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4/16 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ชอบเข้าไปดู www.thailandlearning.org ในหมวดเว็บไซต์ทัศนศึกษาเป็นอย่างมาก ล่าสุดก็ได้เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ประเทศอิตาลี เพราะเป็นสถานที่ซึ่งยังไม่เคยไป สามารถเข้าไปเลือกดูได้ตามใจชอบ เหมือนเดินอยู่ในสถานที่จริง และมีข้อมูลให้ศึกษาครบถ้วน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาช่วงเช้าประมาณ 1.30 ชั่วโมง ตอนเย็นใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เพราะช่วงนี้ติดสถานการณ์โควิดจึงไม่สามารถไปไหนได้

“เนื้อหาจัดทำได้อย่างน่าสนใจมาก ถ้าได้เข้าไปดูแล้วไม่มีคำว่าน่าเบื่อ ตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ อยากเชิญชวนให้เพื่อนๆ เข้ามาใช้บริการ เพราะเป็นการเปิดโลกทัศน์ ได้ท่องเที่ยว และยังสามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนที่โรงเรียนได้อีกด้วยค่ะ”

ทางด้าน นายศุภกฤษฎิ์ ทะสูง หรือน้องทิว อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนสารคามพิทยาคมเช่นกัน กล่าวว่า ตนชอบวิชาวิทยาศาสตร์กับเลขคณิตมากเป็นพิเศษ ดังนั้นส่วนใหญ่จะเข้าไปดูที่เว็บไซต์เกี่ยวกับการทดลองวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพื่อดูผลงานเก่าๆ ที่เคยมีผู้ทำไว้ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูลหรือตัวอย่างสำหรับตัวเองในอนาคต โดยจะใช้เวลาเข้าไปดู www.thailandlearning.org วันละครึ่งชั่วโมง ช่วงตอนเย็นหลังทำการบ้าน นอกจากนี้ก็ยังมีเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ต่อ และเล่นเกมฝึกสมองบ้างเล็กน้อย

“ในอนาคตผมมีความฝันอยากเป็นหมอ เพราะว่าการที่ได้ดูแลผู้ป่วยก็เหมือนกับการที่ผมได้ทำสิ่งดีๆ ให้คนอื่นโดยที่ไม่หวังผลตอบแทนครับ”

สำหรับผู้สนใจที่ต้องการความต่อเนื่องด้านการศึกษา, ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องเรียน และที่สำคัญคือ เป็นตัวช่วยในการศึกษาได้ตลอดชีวิต สามารถคลิกไปใช้บริการที่ www.thailandlearning.org ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป