เอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท วีเอ็มแวร์ จำกัด กล่าวว่า การสร้างความสำเร็จในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน
องค์กรด้านสาธารณสุข ในประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต
โดยอีกนัยหนึ่งก็คือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความยืดหยุ่น สามารถรองรับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่จากทุกที่ ด้วยการวางรากฐานระบบดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรด้านสาธารณสุขของไทยสามารถใช้นวัตกรรมใหม่ๆ สร้างความยืดหยุ่น และมอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพในรูปแบบดิจิทัลที่ช่วยสร้างความพึงพอใจแก่ผู้รับบริการ
'ดิจิทัล'ทลายอุปสรรค
สำหรับกลยุทธ์เชิงลึก 8 ประเด็น ที่แสดงให้เห็นว่า การระบาดครั้งนี้ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภาคสาธารณสุขของประเทศไทย ประกอบด้วย
1.โควิด-19 ทำลายอุปสรรคที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล กระตุ้นให้เกิดการเร่งการพัฒนาแผนงานทางเทคโนโลยี จากการศึกษา “Digital Frontiers 3.0” พบว่าผู้บริโภคชาวไทยไว้วางใจในเทคโนโลยีแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเอไอ 70%, 5จี 81% และระบบการจดจำใบหน้า 74%
2.การบริโภคและความต้องการของผู้ป่วยเป็นสิ่งสร้างความแตกต่างทางธุรกิจรูปแบบใหม่ การสำรวจพบว่าผู้ป่วย 64% จะเปลี่ยนไปใช้บริการในสถานบริการใหม่ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากัน หากการจัดการทางด้านดิจิทัลของสถานบริการที่ใช้บริการอยู่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
บริการใหม่เพิ่มความเสี่ยงไซเบอร์
3.การให้บริการดิจิทัลรูปแบบใหม่สร้างความเสี่ยงทางไซเบอร์มากขึ้น บริการใหม่ๆ ผ่านระบบดิจิทัลกำลังเพิ่มความเสี่ยงทางไซเบอร์ ดังนั้นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งแบบ zero-trust, นโยบายและการควบคุมสิทธิ์อย่างน้อยต้องครอบคลุมทั้ง on-premises บนคลาวด์ไปจนถึงอุปกรณ์ปลายทาง
4.Telehealth และความสามารถในการกระจายการทำงานเปลี่ยนจาก "สิ่งที่ควรมี" กลายเป็น "สิ่งที่ต้องมี" ด้วยความแตกต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆ งานทางด้านสาธารณสุขเป็นสิ่งที่ต้องลงมือปฎิบัติ ในสภาพแวดล้อมของการทำงานแบบกระจายตัว รวมถึงเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้ในการทำงานร่วมกัน
5.การลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการปฏิรูปธุรกิจกำลังเพิ่มมากขึ้น การศึกษาของวีเอ็มแวร์พบว่า ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ 98% หวังว่าจะสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตินี้ไปได้ ด้วยการลงทุนในการปรับปรุงเทคโนโลยีที่มีให้สามารถรองรับการปฏิรูปสู่ดิจิทัล
'ยืดหยุ่น'กุญแจสู่ความสำเร็จ
6.เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (HIT) ที่ยืดหยุ่น คือ "กุญแจสู่ความสำเร็จทางดิจิทัล" ส่วนการทำงานแบบอัตโนมัติและมัลติคลาวด์คือ "อนาคต" เมื่อมีคำถามเกี่ยวกับความยืดหยุ่น กว่า 58% ขององค์กรทางด้านสาธารณสุขกล่าวว่าประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ
โครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีของงานสาธารณสุขแบบอัตโนมัติรวมถึงรูปแบบของการดำเนินงาน ถูกยกให้เป็นความคิดริเริ่มอันดับต้นๆ เนื่องจากองค์กรทางด้านสาธารณสุขมองหาช่องทางการป้องกันสุขภาพ และเพื่อความปลอดภัยของผู้ให้บริการดูแลผู้ป่วย
7.การเติบโตของคลาวด์ที่เพิ่มขึ้น การประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสมดุลทางสาธารณสุข เนื่องจากมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้องค์กรทางด้านสาธารณสุขสามารถลดความซับซ้อนในการปรับใช้ระบบคลาวด์โดยขยายไปสู่มัลติคลาวด์ได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องปรับทักษะ, ปรับโครงสร้างแอพพลิเคชัน หรือปรับแต่งเครื่องมือใหม่
8.การฟื้นตัวจากวิกฤติ เทียบไม่ได้กับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่องค์กรทางด้านสาธารณสุขระบุว่าพวกเขามีแผนสร้างความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจก่อนเกิดการระบาดใหญ่ ผู้บริหารในกลุ่มสาธารณสุข 3 ใน 10 คนรู้สึกว่าแผนของพวกเขามีประสิทธิภาพน้อยลงเมื่อต้องพยายามรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด
"วิกฤติการณ์โควิด-19 คือบททดสอบล่าสุดที่รุนแรงที่สุด พิสูจน์ถึงความสามารถขององค์กรด้านสาธารณสุขในการตอบสนองและการประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่เลวร้าย และสิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพัฒนาให้ระบบสาธารณสุขไทยก้าวไปสู่โลกแห่งดิจิทัลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น"