โลกอ้าแขนรับคริปโตเพิ่มขึ้นกว่า800% เวียดนามรั้งแชมป์-ไทยเข้าวินอันดับ12

dsmol19

  • *****
  • 2408
    • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     


รายงานดัชนีการยอมรับคริปโตเคอเรนซีประจำปี 2021 ที่ Chainalysis จัดทำขึ้นเป็นปีที่ 2 และเผยแพร่เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า โลกให้การต้อนรับเงินตราดิจิตอลอบอุ่นขึ้น โดยอัตราการยอมรับพุ่งทะยานถึงกว่า 880% นับจากปี 2020 เฉพาะไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้น 24% จาก 2.5% ในช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา

การจัดอันดับของ Chainalysis ครอบคลุม 154 ประเทศ โดยพิจารณาจากกิจกรรมทั้งหมดเกี่ยวกับคริปโต การเทรดคริปโตของบุคคลทั่วไป การออม และปริมาณธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม P2P หรือการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลกับบุคคล แทนที่จะโฟกัสการซื้อขายหรือการเก็งกำไร

เคนยา ไนจีเรีย เวียดนาม และเวเนซุเอลา เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่เกาะกลุ่มกันด้านบนของตาราง ส่วนใหญ่เนื่องจากปริมาณธุรกรรมจำนวนมากบนแพลตฟอร์ม P2P เมื่อปรับตามความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (PPP) ต่อหัว

การคำนวณด้วยโมเดลนี้พบว่า อันดับของจีนร่วงจาก 4 ลงมาอยู่ที่ 13 ขณะที่อเมริกาจาก 6 อยู่ที่ 8 เนื่องจากปริมาณธุรกรรม P2P ลดลง และประเทศส่วนใหญ่ในท็อป 20 เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ที่รวมถึงโตโก โคลอมเบีย อัฟกานิสถาน และไทยที่รั้งอันดับ 12 เท่ากับปีที่แล้ว

รายงานอธิบายว่า คนทั่วไปยอมรับคริปโตมากขึ้น ทำให้สินทรัพย์ดิจิตอลหลุดพ้นจากรัศมีการเก็งกำไรของกองทุนบริหารความเสี่ยงหรือธุรกิจต่างๆ และแนวโน้มนี้กำลังปรากฏในหลายประเทศทั่วโลกที่จมดิ่งเข้าสู่แวดวงคริปโตหรือมีอัตราการยอมรับเงินดิจิตอลมากขึ้น

Chainalysis ซึ่งเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ระบบบล็อกเชน พบว่า ปริมาณการทำธุรกรรม P2P มีสัดส่วนสูงมากในกิจกรรมคริปโตโดยรวม โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่

รายงานฉบับนี้เป็นความพยายามครั้งที่ 2 ของ Chainalysis ในการหาคำตอบว่า คริปโตได้รับการยอมรับทั่วโลกในระดับรากหญ้ามากน้อยแค่ไหน โดยการวิจัยของบริษัทบ่งชี้ว่า คนทั่วไปในตลาดเกิดใหม่อ้าแขนรับคริปโตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือปกป้องเงินออมในช่วงที่ค่าเงินของประเทศอ่อนตัว และเพื่อรับ-ส่งเงินระหว่างประเทศ รวมทั้งทำธุรกรรมทางธุรกิจ

แมตต์ อัลบอร์ก นักวิเคราะห์ข้อมูล P2P อิสระ ชี้ว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญสำหรับบิตรีฟิลล์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ช่วยให้ลูกค้าใช้คริปโตในการดำเนินชีวิตปกติ เช่น ซื้อบัตรของขวัญด้วยบิตคอยน์

คิม กรูเออร์ ผู้อำนวยการวิจัยของ Chainalysis และเป็นผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ อ้างอิงคำบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า ปัจจัยหนุนนำการยอมรับคริปโตในเวียดนามคือ การที่คนชาตินี้ขึ้นชื่อเรื่องการเสี่ยงโชค และการที่หนุ่มสาวซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ไม่สามารถลงทุนในกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นได้

โบแอซ โซบราโด นักวิเคราะห์ข้อมูลเทคโนโลยีการเงิน กล่าวว่า ประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ในตารางยังมีอีกสิ่งที่เหมือนกันคือ รัฐบาลควบคุมด้านเงินทุนอย่างเข้มงวด

เมื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ในแต่ละเดือน รายงานพบว่า เอเชียกลางและเอเชียใต้ ละตินอเมริกา และแอฟริกา เข้าใช้แพลตฟอร์ม P2P มากกว่าภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่า เช่น ยุโรปตะวันตกและเอเชียตะวันออก

ในทางกลับกัน การยอมรับคริปโตในอเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก และเอเชียตะวันออกในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลงทุนของนักลงทุนประเภทสถาบัน

อนึ่ง เมื่อต้นเดือน Finder.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพิ่งเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน 42,000 คนใน 27 ประเทศในทวีปยุโรป เอเชีย และอเมริกา ซึ่งพบว่า เวียดนามมีสถิติการยอมรับคริปโตสูงสุด โดย 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจบอกว่า เคยซื้อคริปโต, 21% เคยซื้อบิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโพลล์นี้ในทุกประเทศ

แม้คะแนนของเวียดนามที่ล้ำหน้าประเทศอื่นอาจน่าแปลกใจ แต่ผลสำรวจของไฟน์เดอร์ตอกย้ำข้อมูลของแหล่งอื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเปรียบเป็นนักมวย ต้องถือว่า ประเทศดาวเด่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ชกข้ามรุ่นในเรื่องการยอมรับคริปโต ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คอยน์เทเลกราฟระบุว่า เวียดนามติดอันดับ 13 ในการจัดอันดับการทำกำไรจากบิตคอยน์ในปี 2020 แม้อยู่ในอันดับ 53 ในแง่ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเมื่อวัดจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ก็ตาม

รายงานของไฟน์เดอร์แจงว่า การโอนเงินข้ามประเทศอาจเป็นแรงจูงใจสำคัญในการซื้อคริปโตในเวียดนาม เนื่องจากคริปโตเป็นตัวเลือกของชาวต่างชาติที่ต้องการส่งเงินกลับบ้านโดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการแลกเงิน

อัตราการยอมรับคริปโตยังสูงมากในประเทศอื่นๆ ทั่วเอเชีย เช่น ผู้ตอบแบบสำรวจ 30% ในอินโดนีเซียและอินเดียบอกว่าเคยซื้อคริปโต ส่วนในมาเลเซียและฟิลิปปินส์ตัวเลขอยู่ที่ 29% และ 28% ตามลำดับ

ในทางกลับกัน อัตราการยอมรับคริปโตในสหราชอาณาจักรและอเมริกาต่ำที่สุดในตาราง โดยอยู่ที่ 8% และ 9%