เกษตรถกล้งหลังจีนสั่งระงับส่งออกลำไยปนเพลี้ยแป้ง 14 ส.ค. นี้

Jenny937

  • *****
  • 1932
    • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     


นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเยว่า ในวันที่  13 ส.ค.นี้จะหารือกับผู้ประกอบการล้งลำไยในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อหารือและวางมาตรการรับมือ ถึงกรณีที่ จีนทำหนังสือให้แจ้งระงับล้งรวบรวมลำไยที่ตรวจพบเพลี้ยแป้ง ปนเปื้อนเกินกว่าข้อตกลงในพิธีการ ที่กำหนดการสุ่มตรวจที่ 3 %

โดยทางจีนได้แจ้งอย่างเป็นทางการถึงสถิติการส่งออกลำไย ตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบันพบว่าการสุ่มตรวจพบเพลี้ยแป้งปนเปื้อนลำไยของล้ง 60 แห่ง โดยขอให้กรมวิชาการเกษตรระงับไม่ให้ล้งเหล่านี้ส่งออกลำไยไปจีนตั้งแต่วันที่  14 ส.ค.นี้เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามการเนื่องจากปัจจุบันอยู่ลำไยอยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยวและเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก หรือช่วงพีคของปี ดังนั้นการสั่งระงับ จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมได้ ดังนั้นกรมวิชาการเกษตรจึงเจรจากับจีนผ่านระบบออนไลน์เพื่อผ่อนปรนมาตรการ โดยไทย จะเพิ่มความเข้มงวดการสุ่มตรวจของล้ง66 แห่งจาก 3 % เป็น 5-10 %  ซึ่งฝ่ายจีนไม่ยินยอม


ดังนั้นในวันที่ 13 ส.ค.นี้จึงจะหารือกับผู้ประกอบการล้งในเขตภาคเหนือก่อน คือจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน  37 แห่ง เพื่อวางมาตรการร่วมกัน   ซึ่งกรมวิชาการเกษตรจะต่อรอง ขอให้จีนอนุญาตเฉพาะล้งที่มีการตรวจพบการปนเปื้อนน้อย ส่งไปก่อน โดยกรมวิชาการเกษตรจะเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบให้มากขึ้น  ซึ่งในจ.เชียงใหม่ แยกเป็นล้งที่พบการปนเปื้อนมาก 10 แห่ง ที่เหลือ27 แห่งปนเปื้อนน้อย ส่วนล้งที่อยู่จ.จันทบุรี ปัจจุบันยังไม่เก็บเกี่ยวผลผลิต จึงสามารถบริหารจัดการได้

เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจน กรมวิชาการเกษตรจะเสนอให้จีนพิจารณาต่อไป แต่ทั้งนี้ ทั้งล้ง เกษตรกร ในห่วงโซ่ลำไยทั้งหมดต้องให้ความร่วมมือ คัดแยกลำไยอย่างมีคุณภาพ  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบในภาพรวม 


นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  กล่าวว่า ได้ทราบเรื่องที่จีนห้ามนำเข้าลำไยจากไทยเนื่องจากพบเพลียแป้ง จึงได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(ทูตพาณิชย์)ประสานทูตเกษตรให้เจรจากับทางการจีนผ่อนผันการบังคับใช้ไปก่อน เนื่องจากเป็นการดำเนินการอย่างกระทันหัน


อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหากการเจรจาไม่ได้ผลจะกระทบกับการส่งออกลำไยเพราะ การส่งออกลำไยไปจีนมีสัดส่วนถึง 70-80% ดังนั้น กรมได้เร่งปรับแผนการส่งออกผลไม้ ล่าสุดเตรียมจัดเจรจาการค้าออนไลน์กับเวียดนาม เพื่อหาตลาดทดแทนการส่งออกไปจีน นอกจากนี้ มีแผนจะจัดอินสโตร์โปรโมชั่น ที่กัมพูชา และอินเดีย

"ได้รับแจ้งว่าจีนจะมีการระงับการนำเข้าลำไยจากไทยเมื่อ 2 วันก่อน และได้สั่งการให้มีการเจรจากับทางการจีนก่อนเพื่อให้ผ่อนผัน และเพื่อไม่ให้มีผลต่อการส่งออกจึงปรับแผนส่งเสริมการส่งออกด้วยการหาตลาดในอาเซียนที่มีศักยภาพมารองรับเพิ่มแล้ว"