บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะปรับพอร์ต
ซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมาย รับการเติบโตในประเทศดาวรุ่งดวงใหม่ กับตลาดหุ้นอินเดีย เปิดขายกองหุ้นอินเดีย แอคทีฟ “SCBINDEQ” IPO 12 - 19 ต.ค. นี้
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัดเปิดเผยว่า อินเดียกำลังเข้าสู่วัฏจักรการลงทุนครั้งใหม่ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจอินเดียสามารถเติบโตได้ในระยะยาว ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียน่าสนใจ บริษัทฯจึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นอินเดีย แอคทีฟ (SCB India Active Equity : SCBINDEQ) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรก วันที่ 12 – 19 ตุลาคม 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด
กองทุน SCBINDEQ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ กองทุน UTI India Dynamic Equity Fund (กองทุนหลัก) Institutional Accumulating Class สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนหลักยังจัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท India Equity ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค.2564) โดยมีการบริหารเชิงรุก (Active Fund) ไม่อิงดัชนี พร้อมมี Track Record ผลตอบแทนการลงทุนที่โดดเด่น
“การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกในปี 2040 คาดว่า จะมาจากประเทศเกิดใหม่เป็นสำคัญโดยมีส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจถึง 63% (ข้อมูลจาก IMF) และคาดว่าอินเดียจะกลายเป็นประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจของโลก โดยเศรษฐกิจของประเทศอินเดียได้เติบโตอย่างรวดเร็วจาก 3 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 1990 เป็นกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2015 และคาดว่าจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี 2030 จากการเติบโตของชนชั้นกลาง และประชากรที่กำลังอยู่ในวัยแรงงานทำงานที่คาดว่าจะสูงถึง 1,000 ล้านคนในปี 2050”นางนันท์มนัสกล่าว
อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากนโยบายของเหล่าประเทศชั้นนำที่ต้องการลดการพึ่งพาประเทศจีน ทำให้อินเดียกลายเป็นหนึ่งในฐานการผลิตใหม่ของโลก ประกอบกับการปฏิรูปทางเศรษฐกิจที่เป็นตัวช่วยสำคัญในการผลักดันให้เติบโตให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องได้ในระยะยาว เช่น การลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 22% เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติการผ่อนคลายกฎหมายแรงงานเพื่อลดขั้นตอนการทำธุรกิจ การปฏิรูปการเกษตรเพื่อลดตัวกลาง เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และการควบคุมสถาบันการเงินเพื่อลดหนี้เสียในระบบ เป็นต้น
นอกจากนี้ อินเดียยังเป็นแหล่งผลิต Start-up ระดับยูนิคอร์น (Start-up ที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งในปัจจุบันมีกว่า 50 บริษัท เป็นอันดับ 3 รองจากอเมริกาและจีน ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีปัจจัยด้านผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดที่มีการซื้อขายด้วยราคา (P/E) ที่แพง จึงแนะนำให้ลงทุนในกองทุนประเภท Active Fund ที่ผู้จัดการกองทุนจะมีการคัดเลือกหุ้นที่มีความน่าสนใจและมูลค่าเหมาะสม
ทั้งนี้ กองทุน SCBINDEQ บริหารโดย UTI International (Singapore) Private Limited จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศไอร์แลนด์ อยู่ภายใต้ UCITS มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทอินเดียที่มีคุณภาพดี มีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน