เรติเน่
เปิดตลาดอาหารบำรุงสายตาครั้งแรกในไทย ชู 3 เรื่องสำคัญ สูตรผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยนักวิจัย – วัตถุดิบนำเข้าจากอเมริกา – ผลิตด้วยนวัตกรรมฟรีฟอร์ม วางกลุ่มเป้าหมายอายุ 35-65 ปี ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาด 1% หรือ 200 ล้านในปี 2565
นายพิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานวิจัยและพัฒนา บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรมเจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตาเรติเน่ (RATINE) กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพตาของคนไทยแบ่งได้ 3 ประเภท คือ 1. ปัญหาสุขภาพตาของวัยทำงาน โดยเฉพาะยุคนิวนอร์มอลผู้คนต่าง work from home ทำให้คนกลุ่มนี้ต้องใช้คอมพิวเตอร์มากกว่าอยู่ออฟฟิศ และแสงภายในบ้านไม่สว่างเพียงพอเหมือนกับออฟฟิศทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตาต่างๆ เช่น ตาแห้ง จอประสาทตาเสื่อม ฯลฯ
นอกจากนี้ บางคนต้องทำงานกลางแจ้ง หรือขับขี่มอเตอร์ไซค์ทำให้เกิดปัญหาสายตา เช่น ต้อลมหรือปัญหาสายตาอื่นๆ อันเกิดจากมลภาวะ 2. ปัญหาสุขภาพตาของผู้สูงอายุ เช่น ต้อหิน ต้อกระจกต้อเนื้อ จอประสาทตาเสื่อม ฯลฯ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพราะสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและ 3. ปัญหาสายตาสั้น เอียง ในกลุ่มเด็ก จากการจ้องสมาร์ทโฟน แท็บเลต คอมพิวเตอร์ เล่นเกมส์ปัจจุบันเด็กไทยใส่แว่นตามากขึ้นขณะที่อายุผู้ใส่น้อยลงไปเรื่อยๆ
โรคที่เกี่ยวกับดวงตาเกิดขึ้นได้ทุกเพศ วัย อาชีพ แต่คนไทยให้ความสำคัญกับดวงตาน้อยมาก พออายุ 40 ปี ทุกคนก็เริ่มมีปัญหาสายตาแล้ว แต่เราไม่ค่อยตรวจเช็คสายตา ต้องรอให้มีอาการก่อนถึงจะเริ่มดูแล โรคตาไม่ใช่โรคฉับพลัน แต่เป็นโรคเรื้อรังที่ค่อยๆ สะสมแล้วจึงเกิดอาการในที่สุด คนที่อายุเกิน 65 ปี มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาถึง 50% เพราะร่างกายของเราเสื่อมอยู่แล้วและอายุ 75 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคตาถึง 75% ส่วนเด็กๆ จะเริ่มสะสมความเสื่อมโดยไม่รู้ตัว”
เรติเน่ ลุยนวัตกรรมอาหารบำรุงสายตา ตั้งเป้าชิงแชร์ตลาดมูลค่า 2 หมื่นล้าน
เรติเน่ ลุยนวัตกรรมอาหารบำรุงสายตา ตั้งเป้าชิงแชร์ตลาดมูลค่า 2 หมื่นล้าน
สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตาเรติเน่ มีจุดเด่น คือ ผลิตภายใต้โรงงานที่ได้มาตรฐานและมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 70 ปี ผ่านการคิดค้นและทดสอบโดยทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับดอกเตอร์ด้านนวัตกรรม และเภสัชกร จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยประสิทธิภาพ โดยส่วนผสมของเรติเน่ ประกอบด้วย ลูทีน ซีแซนทีน และบิลเบอร์รี่ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา จึงมีความเข้มข้นมากกว่าสูตรทั่วไป และผลิตโดยนวัตกรรมฟรีฟอร์มทำให้ร่างกายสามารถดูดซับสารอาหารได้อย่างเต็มที่
ผลิตภัณฑ์จะช่วยใน 4 เรื่องสำคัญ คือ 1.เพิ่มอาหารให้ดวงตา 2.เพิ่มการหมุนเวียนเลือดในลูกตา3.ช่วยลดความตึงเครียดของดวงตา และ 4.มีสารต้านอนุมูลอิสระ จากการเก็บข้อมูลผู้บริโภคที่ทานผลิตภัณฑ์ พบว่าเพียง 1-3 วันเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของดวงตา เช่น ตาแห้งน้อยลง อาการตาบอดกลางคืนดีขึ้น ฯลฯ และจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทานต่อเนื่องเป็นเวลา 3-6 เดือน
กลุ่มเป้าหมายที่ผลิตภัณฑ์จะเจาะตลาดเป็นกลุ่มวัย 35-65 ปี โดยเฉพาะคนวัย 40 ปี คนกลุ่มนี้เริ่มมีปัญหาสายตาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญ จึงอยากให้คนกลุ่มนี้ได้ใช้เทคโนโลยียืดอายุสายตาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อถนอมสายตา และให้ดวงตาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้
สำหรับมูลค่าผลิตภัณฑ์สุขภาพตั้งแต่ปี 2555-2563 มีการเติบโต 2 ดิจิทุกปี และหลังจากโควิด-19 เกิดขึ้นส่งผลให้คนรักสุขภาพมากขึ้น คาดว่าตลาดนี้ยังคงเติบโต และเมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ความสามารถในการจับจ่ายของผู้บริโภคกลับมาตลาดสุขภาพเติบโตเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะคนเริ่มเห็นความสำคัญของสุขภาพ โดยสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพดวงตามีสัดส่วน10-15% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด
ด้านนางสาวศิริลัคณา เอียดวิจิตร์ ที่ปรึกษาด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตาเรติเน่ (RATINE) กล่าวถึงแผนการตลาดของเรติเน่ว่า ไลฟ์สไตล์คนไทยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น และนิยมซื้อสินค้าทางออนไลน์ เพราะสะดวก รวดเร็ว ทั้งยังเป็นการสื่อสารกับแบรนด์ได้โดยตรง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตาเรติเน่มองเห็นเทรนด์ดังกล่าว จึงเน้นการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ทั้งทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ไอจี ไลน์ของเรติเน่ และช่องทางมาร์เก็ตเพลส อาทิ Shopee Lazada ShopAt24 JD Central และโฮมช้อปปิ้ง โดยตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาด 1% ของกลุ่มอาหารบำรุงสายตา หรือ 200 ล้านบาทภายในปี 2565 จากมูลค่าตลาดรวมผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีสูงถึงกว่า 20,000 ล้านบาท
สำหรับงบประมาณในการทำตลาดได้ทุ่มกว่า 20 ล้านบาท ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ผ่านผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ อินฟูลเอนเซอร์ บุคคลที่มีชื่อเสียง และผู้ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพดวงตานอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรม “เปิดคาราวานรถเมล์เรติเน่ ห่วงใยทุกสายตาคนไทยทั่วประเทศ” ณ ขสมก.เขตการเดินรถที่ 1 (อู่บางเขน) พร้อมเปิดตัวโฆษณาบนรถโดยสารประจำทาง เพื่อสร้างการรับรู้ที่มีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์