ยูโอบีลงทุน500ล้านดอลลาร์สิงคโปร์เพิ่มศักยภาพดิจิทัลทั่วอาเซียน


     
ยูโอบีลงทุน 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพิ่มศักยภาพด้านดิจิทัลทั่วอาเซียน ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้ารายย่อยอีก 2 เท่า ภายใน 5 ปี เตรียมรวมดิจิทัลแบงก์และบริการดิจิทัลต่างๆ เข้าเป็นแพลตฟอร์มเดียว ภายใต้ชื่อ UOB TMRW เพื่อผลักดันนวัตกรรมการเงินให้ถึงมือลูกค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น

ธนาคารยูโอบีประกาศวันนี้ว่า มีแผนลงทุนถึง 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัล หลังตั้งเป้าขยายฐานลูกค้ารายย่อยที่ใช้บริการธนาคารดิจิทัลอีก 2 เท่า หรือกว่า 7 ล้านราย ทั่วตลาดอาเซียนภายในปี 2569 โดยธนาคารเตรียมรวมบริการดิจิทัลแบงก์ TMRW กับแอปพลิเคชัน  UOB Mighty เข้าเป็นแพลตฟอร์มเดียวในประเทศสิงคโปร์ ก่อนที่จะทยอยเปิดตัวในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ภายในอีก 18 เดือนถัดไป

จากสถานการณ์โรคระบาดอันยืดเยื้อที่เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการปรับใช้บริการดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บริการธนาคารดิจิทัลจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ลูกค้าของธนาคาร จากข้อมูลในสิงคโปร์ เมื่อปี 2563 ยอดการทำธุรกรรมโอนจ่ายผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น PayNow หรือ QR Code เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว ขณะที่การฝากและถอนเงินผ่านช่องทางแบบเดิมลดลงกว่า 30%


ธนาคารยูโอบี เป็นธนาคารแรกในภูมิภาคอาเซียนที่พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ที่เน้นเรื่องการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ด้วยการเปิดตัว TMRW ธนาคารดิจิทัลเพื่อดิจิทัลเจนเนอเรชันแห่งแรกของอาเซียนเมื่อปี 2562 TMRW ขับเคลื่อนด้วยเอไอ และโซลูชันเทคโนโลยีการเงินที่ดีที่สุดในตลาด ที่ทำงานร่วมกันเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ธุรกรรรมขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ กลไกสำคัญนี้ช่วยให้ธนาคารสามารถคาดเดาความต้องการของลูกค้าล่วงหน้า และมอบคำแนะนำและบริการที่ตรงใจลูกค้ายิ่งขึ้น ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมด้านการเงินของลูกค้าเอง

ภายใต้แพลตฟอร์ม UOB TMRW ที่เป็นหนึ่งเดียวนี้ ธนาคารจะเดินหน้าผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ธนาคารสำหรับลูกค้าเฉพาะบุคคล ทีมงานของ UOB TMRW ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในสาขาเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์พฤติกรรม วิทยาศาสตร์ข้อมูล และการธนาคาร จะเร่งพัฒนาแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการอัปเดตตลอดทุกๆ 2-3 เดือน

นาย วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า "ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้านับเป็นสิ่งที่ทำให้ธนาคารยูโอบีแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน การเปิดตัว TMRW ในประเทศไทยและอินโดนีเซียภายในสองปี เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่จะขยายศักยภาพด้านบริการธนาคารดิจิทัลในภูมิภาค ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นว่าการระบาดของโควิดเร่งให้เกิดการปรับใช้เทคโนโลยีมากขึ้น จนไม่ใช่บริการทางเลือกเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ธนาคารจะรวบรวมเอาศักยภาพด้านดิจิทัลของเราเข้าไว้ด้วยกัน การรวมเอา TMRW และ UOB Mighty เข้าเป็นแพลตฟอร์มเดียว จะช่วยให้เราขยายฐานลูกค้าและนำบริการธนาคารดิจิทัลแบบเฉพาะบุคคลให้ถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น"


TMRW ได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงการยกย่องให้เป็น Best Digital Bank ทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซียเมื่อเร็วๆนี้ ลูกค้าที่ใช้งาน TMRW ในสองประเทศ ได้ให้คะแนนความพึงพอใจ (Net Promoter Score) ในอันดับต้นๆ ด้าน UOB Mighty ได้รับการชื่นชม[1]ในฐานะที่เป็นแอปพลิเคชันที่ตอบครบทุกความต้องการ ทั้งด้านโอนจ่ายเงิน การลงทุน และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ภายในแอปเดียว ล่าสุด เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา UOB Mighty ได้รับรางวัล Investment Product Innovation of the Year สำหรับโซลูชันด้านการลงทุนแบบดิจิทัล SimpleInvest

ส่วนหนึ่งของแผนการเปิดตัว UOB TMRW ธนาคารได้เปิดให้พนักงานของธนาคารในประเทศสิงคโปร์ ทดลองใช้งานแอปพลิเคชัน UOB TMRW ในเวอร์ชันเบต้า ก่อนที่จะเปิดตัวกับลูกค้าในสิงคโปร์อย่างเป็นทางการภายในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งลูกค้าที่ใช้ UOB Mighty ในสิงคโปร์ จะได้รับการย้ายเข้าสู่ UOB TMRW โดยอัตโนมัติ

นายเควิน แลม Head of TMRW and Group Digital Banking กล่าวว่า "เรากำลังเข้าสู่จุดเริ่มต้นของการเดินทางระยะใหม่ การเปิดตัว UOB TMRW ในสิงคโปร์นี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อโมเดลธุรกิจธนาคารดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าของเรา ในเฟสต่อไป เรามีเป้าหมาย ที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อมอบบริการธนาคารที่ฉลาดขึ้น และใช้งานง่ายยิ่งขึ้น เราจะมุ่งหน้าพัฒนาแอปพลิเคชัน UOB TMRW อย่างสม่ำเสมอ ผ่านการอัปเดตทุก 2-3 เดือน"

ธนาคารยูโอบีเตรียมที่จะเปิดตัว UOB TMRW ในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ภายในระยะเวลาอีก 18 เดือนข้างหน้า