'วิตโตเรีย' เจ้าหญิงแห่งซาวอย (อิตาลี) ที่เปรี้ยวแฟชั่นจัดสู่อินฟูเอนเซอร์!

PostDD

  • *****
  • 1298
    • ดูรายละเอียด
  • ดูรายละเอียด
  • ข้อความส่วนตัว (ออฟไลน์)

     


หากอิตาลีไม่ได้กลายเป็นสาธารณรัฐเมื่อ 75 ปีก่อน วิตโตเรีย คริสตินา อเดเลด มาเรีย ก็จะกลายเป็นเจ้าฟ้าหญิงวิตโตเรีย แห่งซาวอย และจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ซาวอยสตรีพระองค์แรก ที่จะได้สืบต่อพระราชบัลลังก์ในรอบ 1,000 ปี แทนที่จะเป็นอินสตาแกรมอินฟลูเอนเซอร์ในวัย 17 เช่นนี้

เดอะ นิวยอร์กไทม์ รายงานว่า หากราชวงศ์ซาวอยยังคงดำรงอยู่ เธอจะได้สืบทอดฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าหญิงแห่งการิญยาโน ตามชื่อแคว้นต้นกำเนิดของบรรพบุรุษโดยอัตโนมัติ เมื่ออายุครบ 16 ปีบริบูรณ์ สืบทอดจากคุณปู่ วิตโตโร เอมมานูเอเล ดิ ซาวอย โอรสในกษัตริย์พระองค์สุดท้ายของอิตาลี

ในรายงานข่าวยังบอกอีกว่า มีพระราชกฤษฎีกาอย่างเป็นทางการในปี 2019 ที่ลงนามโดยดยุคแห่งซาวอย เจ้าชายแห่งเนเปิลส์ และในนามของพระเจ้าประจำพระองค์ผู้สืบสันตติวงศ์แห่งราชวงศ์ซาวอย ได้แก้ไขกฎหมายที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง ที่จำกัดการสืบราชบัลลังก์ให้ยกเว้นทายาทหญิง

วิตโตเรีย ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในปารีส มีผู้ติดตามทางอินสตาแกรมกว่า 39,000 คน ให้สัมภาษณ์ว่า “(การที่พ่อแก้กฎสืบราชบัลลังก์) เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เขาสามารถให้ฉันได้แล้ว” -- เธอเป็นธิดาคนโตของ เอมมานูเอเล ฟิลิแบร์โต ดิ ซาวอย ดยุคแห่งซาวอยและเจ้าชายแห่งเนเปิลส์ กับ โคลทิลด์ กูโร นักแสดงชาวฝรั่งเศส ซึ่งชาวอิตาเลียนตั้งฉายาเอมมานูเอเลว่า เจ้าชายแห่งเวนิซ ได้ถูกเนรเทศออกจากอิตาลีไปกระทั่งเขาอายุ 30 ปี

Emanuele Filiberto di Savoia
Emanuele Filiberto di Savoia

วิตโตเรีย กำลังศึกษาอยู่ในลอนดอน หลังจากเรียนจบแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเธอจะใช้ชีวิตไปในทิศทางใด พ่อของเธอบอกว่า ตอนนี้เธออาศัยความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติของเธอมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเอมมานูเอเลเชื่อว่า การแต่งตั้งลูกสาวให้ขึ้นเป็นผู้สืบสันตติวงศ์หญิงคนแรกในรอบ 1000 ปี เป็นการเปลี่ยนแปลงประเพณีที่จำเป็น เพื่อให้ทันสมัยและสะท้อนถึงบรรยากาศทางสังคมในปัจจุบัน

“ผมคิดว่า มันเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ที่ต้องแสดงให้เห็นว่าในระบอบราชาธิปไตย ที่อาจดูเก่าด้วยค่านิยม 1,000 ปี สามารถเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้”

Vittoria Cristina Chiara
Vittoria Cristina Chiara

เดอะ นิวยอร์กไทม์ส ยังรายงานว่า วิตโตเรียพอใจกับสถานะของเธอในปัจจุบันที่ปราศจากระบอบราชาธิปไตยในอิตาลี แม้ว่าสมาชิกที่เหลือของราชวงศ์ซาวอยจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

Aimone di Savoia Aosta
Aimone di Savoia Aosta

อย่างเช่น ไอโมเน ดิ ซาวอย ออสตา ลูกพี่ลูกน้องของเอมมานูเอเล และผู้อ้างสิทธิ์ในการสืบสันตติวงศ์ราชวงศ์ซาวอย ซึ่งปัจจุบันทำงานให้กับบริษัทยางปิเรลลิ ประจำสาขามอสโก พูดถึงสถานะของวิตโตเรียว่าว่า “ผิดกฎหมายโดยสิ้นเชิง” ซึ่งเอมมานูเอเล ผู้ลงนามในกฎหมายใหม่ ให้ความคิดเห็นว่า ในตำแหน่งที่สำคัญๆ ทั้งหลาย มักจะมีคนชอบมาอ้างสิทธิเพราะเขาต้องการแทนที่เสมอ

“ไอโมเน คือคนประเภทนั้น เขาต้องการเข้ามาแทนที่พวกเรา พวกเขามักจะบอกเราว่า พวกเขาเป็นทายาทที่แท้จริง เขาบอกว่า พวกเราไม่มีบัลลังก์ เหลือแต่ชื่อของครอบครัว แต่ถ้าคุณย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐอิตาลี พวกเขากลัวว่าสถาบันกษัตริย์จะกลับมา ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ รุ่นคุณพ่อของผม จนกระทั่งถึงรุ่นของผมเอง พวกเขาก็เนรเทศเราออกไป ซึ่งจริงๆ แล้วข้อพิพาททุกอย่าง ไม่ได้มีแรงจูงใจทางการเงิน เป็นเพียงเพื่อสถานะทางสังคมเท่านั้น” เอมมานูเอเลกล่าว

Emanuele Filiberto di Savoia
Emanuele Filiberto di Savoia

ดูเหมือนว่า ครอบครัวซาวอยทั้ง 2 สาย จะขัดแย้งกันในเรื่องบทบาทที่ไม่มีอยู่อย่างเป็นทางการอีกต่อไป โดยอิตาลีได้เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ ในปี 1946 หลังจากการลงประชามติเรื่องยุติการปกครองของราชวงศ์

กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของอิตาลี วิกตอร์ เอมมานูเอล ที่ 3 ทรงดำรงพระชนม์ชีพท่ามกลางความขัดแย้งมากที่สุด จากรายงานของบีบีซีในรัชสมัยของพระองค์ ทรงก่อให้เกิดระบอบฟาสซิสต์ของเบนิโต มุสโสลินี และทรงลงนามในกฎหมายที่รับรองการกดขี่ข่มเหงชาวยิวในปี 1938 ก่อนที่พระองค์จะทรงถูกเนรเทศไปยังอียิปต์ ซึ่งได้เสด็จสวรรคต ในปี 1947 ที่นั่น

นิวยอร์กไทม์ส ยังรายงานด้วยว่า ราชวงศ์ซาวอย สายออสตา ยังยึดกฎมณเฑียรบาลเดิม ที่ห้ามการสืบสันตติวงศ์ของสตรี โดยพวกเขาเชื่อว่า กฎหมายที่จำกัดการสืบทอดราชบัลลังก์ของผู้ชายไม่ควรเปลี่ยนแปลง จนกว่าสถาบันกษัตริย์จะกลับคืนมา ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

ขณะที่ เจ้าชายเอมมานูเอเล กล่าวว่า “บอกตามตรงว่า อิตาลีเป็นสาธารณรัฐมา 70 ปีแล้ว ผมไม่คิดว่า ราชาธิปไตยจะหวนคืนมา”