กรุงไทยคอมพาสชี้ท่องเที่ยวไทยต่ำสุดปีนี้


     


กรุงไทยคอมพาสประเมินการท่องเที่ยวไทยจะขยายตัวต่ำสุดในปีนี้ และกลับเข้าสู่อัตราก่อนเกิดโควิดนับจากปี 67 แนะธุรกิจเกี่ยวเนื่องท่องเที่ยวปรับตัวรับนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มเฮล์และเวลเนส

นางสาวจารุวรรณ เหล่าสัมฤทธิ์ ทีมวิจัย Krungthai Ruay COMPASS ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)กล่าวคาดการณ์การท่องเที่ยวในประเทศในปีนี้ถึงปี 2566และคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจการแพทย์และเวลเนสของไทย โดยในส่วนการท่องเที่ยวในประเทศนั้น ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน จากระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ในปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ก.ค.ปีนี้จะเริ่มรับเปิดท่องเที่ยว อัตราเข้าพักไม่ได้ดีขึ้นมาก เพราะขาหนึ่งมาจากนักท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไทยที่มีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางจำกัด ดังนั้น อัตราเข้าพักในเดือนก.ค.ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน และ เทียบปี 2562

สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยว มีการประเมินท่องเที่ยวโลกและการบินจะกลับมาดีขึ้นในปี 2566 ในส่วนการท่องเที่ยวในไทยนั้น เรามองว่า การท่องเที่ยวจะต่ำสุดในปีนี้ อย่างไรก็ดี จะมีปัจจัยเกี่ยวข้องกับทิศทางการท่องเที่ยว โดยตลาดหลักก่อนโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นเอเชียหรือสหรัฐตอนนี้ หลายประเทศฉีดวัคซีนเข้าใกล้ 70%ของจำนวนประชากร ซึ่งจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แต่การระบาดหนักของโควิด-19ในไทย หลายประเทศก็มีการเตือนเรื่องการเดินทางมาไทย

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านความพร้อมของไทย เราประเมินว่า ถ้าจะให้เกิดความสบายใจในการท่องเที่ยวของต่างชาติและคนไทยด้วยกันเอง จะต้องมีภูมิคุ้มกันหมู่ โดยคนไทยจะต้องฉีดวัคซีน 2 โดสอยู่ที่ 70% ของประชากรทั้งหมด แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเราประเมินว่า สิ้นปีนี้ ยังไม่ได้ถึง 50% ของประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น การเปิดรับนักท่องเที่ยวยังมีข้อจำกัด

สำหรับประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 เรามองไว้ที่ 2.3 แสนคน แต่ต้องติดตามโควิดสายพันธุ์ใหม่จะกระทบดีมานด์มากน้อยแค่ไหน ส่วนปี 2565 ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะขยายตัวที่ 5.8% จากการฉีดวัคซีนที่มากขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจ อย่างไรก็ดี ตลาดที่มีความอ่อนไหวเช่นเอเชียอาจจะเข้ามาอย่างจำกัด

ส่วนปี 2566 ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 20.6 ล้านคน มองว่า โควิด-19 จะกลายเป็นไข้หวัดท้องถิ่น เราน่าจะปรับตัวอยู่กับโควิด-19 ได้ ดังนั้น ตลาดสำคัญอย่างเช่นจีน น่าจะทยอยฟื้นตัวมา ส่วนปี 2567-69 ระดับนักท่องเที่ยวจะกลับมาแตะระดับก่อนเกิดโควิด-19

ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวไทยนั้น อาจจะมีการฟื้นตัวช้าจากเครื่องชี้วัดต่างๆเพราะมองว่า หลายๆปลายทางการท่องเที่ยวของไทยก็ต้องเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งจะยังมีข้อจำกัดและเงื่อนไขต่างๆ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวของคนไทยได้ ทั้งยังมีข้อจำกัดในแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยวด้วย

ดังนั้น ประมาณการจำนวนท่องเที่ยวไทยในปีนี้ อยู่ที่ 43.4 ล้านคน-ครั้ง ปีหน้าเงื่อนไขต่างๆลดลงนักท่องเที่ยวจะกลับมาแตะ 75 ล้านคน-ครั้ง ส่วนปี 2566 อยู่ที่ 147 ล้านคน-ครั้ง และน่าจะกลับมาใกล้เคียงปี 2566 ในปี 2567-69

เธอกล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 น่าจะเปลี่ยนมุมมองการท่องเที่ยวไป โดยจะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการจับจ่าย ซึ่งเติบโตปีละ 11.1% และกลุ่มนี้ประเมินมีการใช้จ่ายสูง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนกลุ่มที่มีกำลังซื้อในแถบเอเชียมีการเติบโตเร็ว 14.2% ต่อปี ซึ่งกลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มเป้าหมายการท่องเที่ยวด้านการแพทย์และสุขภาพของไทย โดยธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวจะต้องปรับตัวรองรับและหาจุดขายที่ชัดเจน ทั้งนี้ ตลาดเวลเนสทั่วโลกมีอัตราการเติบโต 6.5% ต่อปี โดยในปี 2565 คาดว่า จะมีมูลค่าสูงถึง 9.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

“อยากให้ถอดบทเรียนจากโควิด-19 ว่า เราเองคงจะรับท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มมากขึ้นและตลาดเฮลท์แอนด์เวลเนสก็มีความน่าสนใจ ในเชิงการใช้จ่ายทั่วโลกสูงถึง 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อทริปสูงกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปถึง 53% ส่วนในประเทศก็น่าสนใจว่า ใช้จ่ายสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อทริปสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 178%”